ทรายแมว อาจดูเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน…ที่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ! เพราะทรายแมวไม่ได้มีไว้ให้แมวกลบมูลหรือทำให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทางเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ส่งผลต่อพฤติกรรม สุขภาพจิต และส่งผลต่อการตอบสนองตามสัญชาตญาณที่มีความละเอียดอ่อนมาก ชวนทาสแมวมาทำความเข้าใจ และเลือก ทรายแมว ให้ถูกใจน้องแมวของคุณกันเถอะ

ทรายแมว มีความสำคัญอย่างไร
อย่างที่เราเคยได้กล่าวถึงไปในหัวข้อเรื่อง กระบะทรายแมว จะเห็นได้ว่าการขับถ่ายของแมวนั้นมีความสำคัญมาก ไม่เพียงแต่เป็นการปลดปล่อยของเสียออกจากร่างกายเท่านั้น แต่มีความสำคัญในเรื่องของการตอบสนองตามสัญชาตญาณอย่างการทำอาณาเขตอีกด้วย
ทรายแมว นั้นมีความสำคัญกับแมวมาก เป็นตัวช่วยให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง แมวส่วนใหญ่จะรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าจุดที่มีทรายแมวคือจุดที่ขับถ่ายได้ นอกจากนี้แมวยังกลบมูลของตัวเองตามหลังการปล่อยของเสีย เพื่อกลบกลิ่นไม่ให้ศัตรูนักล่าอื่น ๆ แกะรอยเจอได้ และไม่ให้เหยื่อของมันรู้ตัวนั่นเอง
เมื่อแมวป่าพัฒนามาเป็นแมวบ้าน สัญชาตญาณของแมวก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่ในตัวแมวอย่างตนบถ้วน แม้จะไม่มีนักล่ามาทำอันตรายหรือเหยื่อให้ต้องออกล่าแล้ว แต่แมวก็ยังมีความต้องการที่จะแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ออกมาอยู่ดี มีงานวิจัยระบุว่าหากแมวไม่สามารถกลบของเสียของตัวเองได้ จะทำให้แมวมีความเครียดมากขึ้น อาจทำให้เกิดโรควิตกกังวล (Anxiety disorder) ในแมวได้อีกด้วย
ทรายแมว มี่กี่ประเภท
1. ทรายดินแบบไม่จับตัวเป็นก้อน (Non-clumping clay litter)
ปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่นิยม จึงพบได้น้อยกว่าประเภทอื่น เป็นทรายแมวชนิดแรก ๆ ที่ผลิตออกมาสำหรับแมว
ทรายชนิดนี้เมื่อโดนของเหลวจะไม่จับตัวเป็นก้อน แต่มีคุณสมบัติดูดซับของเหลวได้ดี ทำให้ไม่มีของเหลวกองที่ก้นกระบะทราย ลดการเกิดกลิ่นได้
ข้อดี
- ดูดซับกลิ่นได้ดี
ข้อเสีย
- มีน้ำหนักมาก
- ตักทรายที่เลอะปัสสาวะออกยาก จึงควรเปลี่ยนทรายทั้งกระบะ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์
- มีฝุ่นค่อนข้างมาก
- หากแมวกินเข้าไปอาจเป็นอันตรายได้

2. ทรายเบนโทไนท์/ทรายภูเขาไฟ (Clay litter)
ใช้วัตถุดิบจากเหมืองผิวดิน (Strip mine) หรือเรียกอีกอย่างว่าเหมืองเปิด คือ การขุดเหมืองแบบเอาหน้าดินที่ไม่ต้องการออก แล้วขุดไปจนกว่าจะเจอแร่ ซึ่งวิธีแบบนี้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์มากกว่าการขุดเจาะด้วยอุโมงค์แบบปกติ โดยทรายเบนโทไนท์ที่คุณภาพดีมักจะใช้ชื่อเรียกว่า ทรายภูเขาไฟ แท้จริงแล้วทำมาจากแร่ตัวเดียวกัน เพียงแต่ความบริสุทธิ์ของแร่มีมากกว่าและใช้สารเคมีน้อยกว่า
ข้อดี
- จับตัวเป็นก้อนได้ดี
- เก็บกลิ่นได้ดี
- ใช้กับห้องน้ำอัตโนมัติได้ดี
ข้อเสีย
- มีน้ำหนักมาก
- ติดเท้าแมวออกมานอกกระบะมาก
- ส่วนใหญ่มีฝุ่นค่อนข้างมาก
- ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต
- ต้องทิ้งลงถังขยะ ไม่สามารถย่อยสลายได้
- หากแมวกินเข้าไปอาจเป็นอันตรายได้

3. ทรายคริสตัล (Silica gel litter), ทรายแมว แบบมีรูพรุนให้ของเหลวไหลผ่านลงด้านล่าง
ผลิตมาจากแร่ซิลิกาจากทราย ทรายแมวชนิดนี้จะไม่จับตัวเป็นก้อน แต่ของเหลวจะไหลลงด้านล่างแทน บางแบรนด์ใช้เทคโนโลยีใหม่มาผสมกับแร่ซิลิกาดั้งเดิม และออกแบบให้ใช้แผ่นรองปัสสาวะควบคู่ด้วย เพื่อความง่ายต่อการสังเกตสีปัสสาวะ และการทำความสะอาด
ข้อดี
- เก็บกลิ่นปัสสาวะได้ดี
- ไม่มีฝุ่น
- สังเกตสีปัสสาวะง่าย
ข้อเสีย
- เม็ดค่อนข้างใหญ่และผิวสัมผัสค่อนข้างหยาบมาก ทำให้ระคายเคืองเท้าแมวได้ง่าย บางตัวอาจไม่ยอมใช้
- ไม่จับตัวเป็นก้อน ตักทิ้งลำบาก
- หากแมวกินเข้าไปอาจเป็นอันตรายได้
* ไม่ควรล้างแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำ *

4. ทรายที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ (Natural cat litter)
มีทั้งแบบจับตัวเป็นก้อนและไม่จับตัวเป็นก้อน ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้สน ไม้เบิร์ส, กากถั่วเหลือง, หญ้า, ข้าวโพด, มันสัมปะหลัง, มะพร้าว, กระดาษ ซึ่งมีทั้งแบบกลิ่นธรรมชาติและแต่งกลิ่นเพิ่มเติม
ข้อดี
- ปลอดภัยกับแมวแม้เผลอกินเข้าไป
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ตักทิ้งชักโครกได้ เหมาะกับเลี้ยงในคอนโดหรือพื้นที่จำกัด*
ข้อเสีย
- ใช้ความระมัดระวังในแมวที่แพ้วัสดุธรรมชาติบางชนิด
- ทำความสะอาดและตรวจสอบเป็นประจำ สามารถพบเชื้อราได้ในบางชนิด หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ
*การทิ้งทรายแมวไม่ควรทิ้งลงโถสุขภัณฑ์ แม้ว่าทรายแมวชนิดนั้นจะถูกออกแบบมาให้ละลายน้ำได้ก็ตาม

ปริมาณ ทรายแมว ที่แนะนำ
โดยทั่วไปควรเททรายให้มีความหนาอย่างน้อย 3-6 เซนติเมตร แต่ก็ขึ้นกับความชอบของแมวแต่ละตัว โดยเฉพาะแมวเด็กมักมีพฤติกรรมชอบขุดทรายจำนวนมาก อาจเททรายให้หนาขึ้นได้ เจ้าของควรสังเกตความชอบของแมวของคุณและปรับตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรเหลือทรายน้อยจนเกินไป จะทำให้แมวรู้สึกไม่สะอาด ไม่สามารถกลบมูลได้มิด และไม่ยอมใช้กระบะทรายได้
สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือก ทรายแมว
การเลือกทรายแมวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สามารถมีผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจของแมวได้ เจ้าของจึงควรสังเกตพฤติกรรม-ความชอบของแมวตัวเอง และปรับไปตามความชอบของแมว หากเลือกทรายแมวที่ไม่เหมาะกับน้องแมวของเราแล้ว ก็อาจทำให้เกิดปัญหา แมวทำธุระนอกกระบะ ขึ้นได้
1. ขนาดเม็ดทราย
ทรายที่มีขนาดเม็ดใหญ่จะทำให้แมวรู้สึกไม่สบายเท้า อุ้งเท้าแมวสามารถรับสัมผัสได้ไวและบอบบางมาก ทรายเม็ดใหญ่จะทำให้การเดินบนทราย-การขุด-การกลบทำได้ลำบากกว่า โดยเฉพาะแมวสูงอายุที่เริ่มมีปัญหาข้อเสื่อมหรือเดินลำบาก การเลือกทรายเม็ดใหญ่จะทำให้ต้องเกร็งกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ข้อต่าง ๆ รับภาระหนักขึ้น ทำให้แมวมีอาการปวดรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แมวเลิกใช้กระบะทรายก็เป็นได้ นอกจากนี้ทรายแมวที่มีขนาดเม็ดใหญ่มักจะจับตัวกับอุจจาระไม่ค่อยดี ทำให้กลบกลิ่นอุจจาระได้ไม่ค่อยดีอีกด้วย

2. กลิ่น
แมวมีจำนวนเซลล์รับกลิ่นมากกว่ามนุษย์ถึง 14 เท่า …แม้แมวจะมีการรับกลิ่นไม่ดีเท่าสุนัขก็ตาม แต่ก็ดีกว่ามนุษย์อย่างแน่นอน! กลิ่นทรายแมวที่คนอาจรู้สึกว่าหอม หรือเป็นเพียงกลิ่นอ่อน ๆ ในมุมมองของแมวอาจเป็นกลิ่นที่ฉุนเกินไป (เปรียบเหมือนคนฉีดน้ำหอมหมดขวด) ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แมวปฏิเสธการใช้กระบะทรายได้เช่นกัน เราจึงขอแนะนำให้เลือกทรายที่ไม่มีกลิ่น หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้เปิดปากถุงทรายทิ้งไว้เพื่อให้กลิ่นจางก่อนนำมาใช้งาน
3. ฝุ่น
ทรายแมวที่ฝุ่นฟุ้งกระจายเยอะเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานทั้งคนและแมว อาจทำให้ระคายเคืองทางเดินหายใจ-ระคายเคืองดวงตาได้ง่าย และสามารถกระตุ้นอาการภูมิแพ้/หอบหืดทั้งคนและแมวได้ จึงควรเลือกทรายแมวที่มีฝุ่นน้อยที่สุด
4. ความสามารถในการจับตัวเป็นก้อน
เพื่อให้ง่ายต่อการตักทำความสะอาด และช่วยให้ปัสสาวะไม่ไหลเลอะเทอะจนสกปรกไปทั้งกระบะทราย แมวเป็นสัตว์รักความสะอาด หากกระบะสกปรก หรือมีกลิ่นมูลฉุน ๆ เหลือทิ้งไว้ก็อาจทำให้แมวไม่ยอมเข้ากระบะทรายได้
5. สีของทรายแมว
แนะนำให้เลือกใช้ทรายที่มีสีอ่อนหรือสีขาว สามารถช่วยให้สังเกตสีของปัสสาวะได้ง่าย ทำให้พบความผิดปกติได้รวดเร็วหากแมวมีสีปัสสาวะเปลี่ยนไป เช่น ปัสสาวะมีสีชมพูเกิดจากมีเลือดปน การใช้ทรายสีเข้มอาจทำให้สังเกตความผิดปกติได้ยากและล่าช้าได้
6. การติดเท้าแมว
เน้นทรายที่ติดเท้าแมวออกมาน้อยจะส่งผลดีในแง่ของการลดการกระจายเชื้อโรคสู่มนุษย์ และเก็บกวาดทำความสะอาดง่าย
ใช้ทรายก่อสร้างได้หรือไม่
เราไม่แนะนำให้ใช้ทรายก่อสร้าง เนื่องจากทรายก่อสร้างมักจะมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนได้มาก เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ, ไม่จับตัวเป็นก้อน ทำความสะอาดยาก ตักของเสียทิ้งลำบาก, เก็บกลิ่นไม่ดี และมีฝุ่นเยอะมาก
ฝึกแมวใช้โถสุขภัณฑ์มนุษย์…ดีไหม!?
ยังไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบของการฝึกแมวใช้โถสุขภัณฑ์อย่างจริงจังว่าจะส่งผลทำให้แมวเครียดหรือไม่…แต่เราไม่แนะนำให้ทำเป็นอย่างยิ่ง!
- สะดวกเจ้าของ…แต่ผิดธรรมชาติของแมว : อย่าลืมว่าแมวชอบกลบของเสียตามสัญชาตญาณมาช้านานแล้ว การที่แมวไม่ได้กลบก็มีโอกาสกระตุ้นความเครียด/รู้สึกไม่ปลอดภัย/วิตกกังวลได้
- ทำให้สังเกตปัสสาวะ-อุจจาระไม่ได้ : หากแมวป่วยจะเจอความผิดปกติช้า และได้รับการรักษาล่าช้า
- การจราจรไม่ดี : ห้องน้ำคน 1 ห้อง นับเป็นแค่กระบะทราย 1 อันเท่านั้น! นอกจากจะต้องแย่งใช้กับเพื่อนแมวด้วยกันแล้ว ยังต้องมาแย่งใช้กับคนอีก
- ต้องกระโดดเพื่อใช้งาน : เมื่อแมวแก่ตัวหรือเริ่มมีโรคข้อกระดูกเสื่อม จะทำให้ใช้งานได้ยาก สุดท้ายแมวอาจมีปัญหาขับถ่ายไม่เป็นที่ตามมา
- เสี่ยงอุบัติเหตุ : แมวอาจพลาด พลัดตกลงไปในโถสุขภัณฑ์ อาจบาดเจ็บ หรือเข็ดขยาดกับการใช้ห้องน้ำไปเลย
- พาแมวไปนอกสถานที่หรือพักโรงแรมไม่ได้ : เพราะแมวไม่ได้ถูกฝึกให้ใช้กระบะทราย
สรุป
ทรายแมวเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ส่งผลต่อการใช้งานกระบะทรายของแมว ซึ่งแมวแต่ละตัวก็มีความชอบที่แตกต่างกัน เจ้าของควรสังเกตแมวอย่างใกล้ชิด ดูพฤติกรรม ความชอบ และเลือกใช้ชนิดของทรายแมวให้เหมาะสม พิจารณาปัจจัยทุกข้อก่อนเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเม็ดทราย กลิ่น ฝุ่น สี ความสามารถการจับตัวเป็นก้อน และการติดเท้าแมว การใช้ทรายแมวที่ดีและได้มาตรฐานย่อมสนับสนุนสุขภาพที่ดีของแมว ลดโอกาสการติดเชื้อ และทำให้แมวได้ตอบสนองสัญชาตญาณในแบบของแมวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
© All Rights Reserved.