อาหารแมว ถือเป็นเรื่องที่คนเลี้ยงแมวให้ความสนใจมากที่สุด! เพราะ อาหารที่กินเข้าไปล้วนส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง ทุกวันนี้อัตราการเลี้ยงสัตว์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีแบรนด์อาหารมากมายหลากหลายรูปแบบพยายามออกผลิตภัณฑ์มาแข่งขันกัน รวมถึงใช้การตลาดมหาศาลเพื่อดึงยอดขาย เราผู้เป็นเจ้าของแมวจึงควรจะมีความรู้เท่าทัน และสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับแมวของเราได้ ในเบื้องต้นนี้เราจะพาไปทำความรู้จักว่า อาหารแมวนั้นมีกี่ประเภท มีกี่แบบ แต่ละแบบดูอย่างไร มีวิธีเลือกอย่างไร รวมถึงคำศัพท์ที่มักพบบ่อยในวงการอาหารแมว…เราจะชวนคุณมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggleอาหารแมว ...มีกี่ประเภท?
อาหารแมวหลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ด้วยกัน ได้แก่
- อาหารหลัก
- ของกินเล่น/ขนม
- อาหารเสริม
- อาหารสำหรับรักษาโรค
1. อาหารหลัก
อาหารแมว ที่มีสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างครบถ้วน มีการวัดและคำนวณสารอาหารมาเรียบร้อย ทั้งปริมาณกรดอะมิโนจำเป็น กรดไขมันจำเป็น วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ตามที่ร่างกายของแมวต้องการโดยสามารถดูมาตรฐานของอาหารหลักนี้ได้จาก
- ได้รับการรับรองว่ามีสารอาหารครบถ้วนตามเกณฑ์ขั้นต่ำของ AAFCO หรือ FEDIAF ซึ่งเป็นองค์กรที่มีเกณฑ์มาตรฐานสาร อาหารแมว
- เป็น ‘Complete and Balance diet’
ควรมีการระบุคำข้างต้นเหล่านี้ที่ข้างบรรจุภัณฑ์ หากไม่มีให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจไม่ใช่อาหารหลัก
อาหารหลักควรให้แมวกินในปริมาณที่กำหนด ซึ่งเป็นปริมาณที่มีการคำนวณมาแล้วว่าแมวจะได้สารอาหารอย่างครบถ้วน โดยอาหารแต่ละประเภทและแต่ละแบรนด์มีส่วนผสมไม่เหมือนกัน จึงให้พลังงานไม่เท่ากัน ควรอ่านคำแนะนำข้างบรรจุภัณฑ์ให้ชัดเจนหรือคำนวณแคลอรี่ให้เหมาะกับแมวแต่ละตัว
โดยสามารถพบอาหารประเภทนี้อยู่ในรูปแบบของอาหารดังต่อไปนี้
อาหารเม็ดเป็นอาหารถูกนำมาปรุงสุก ผ่านความร้อน การอบ และการขึ้นรูปดึงความชื้นภายในอาหารออกเกือบหมด ทำให้อาหารอยู่ในรูปของเม็ด สะดวก ใช้งานง่าย มีอายุอาหารยาวนานขึ้น
การจะขึ้นรูปเป็นอาหารเม็ดได้นั้น จำเป็นที่จะต้องใส่คาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่มาก ซึ่งแมวนั้นได้ชื่อว่าเป็นสัตว์นักล่าที่กินเนื้อเป็นหลัก (Obligate carnivore) สารอาหารจึงมีความแตกต่างจากเหยื่อในธรรมชาติของแมว หากคุณเลือกให้อาหารประเภทนี้แล้ว จึงควรใส่ใจ และเลือกอาหารเม็ดที่มีโปรตีนสูง โปรตีนหลักมาจากเนื้อสัตว์ และสัดส่วนคาร์โบไฮเดรตน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็จะดีกว่า
นอกจากนี้อาหารเม็ดยังมีการดึงความชื้นออกไปในปริมาณมาก แมวในธรรมชาติมักได้ความชื้นหรือสารน้ำจากเหยื่อเป็นหลัก ดังนั้นเพื่อทดแทนความชื้นที่สูญเสียไปจากอาหาร คุณควรจัดเตรียมแหล่งน้ำสะอาดไว้ให้แมวหลายจุดทั่วบริเวณบ้าน เพื่อให้กระตุ้นให้แมวดื่มน้ำมากขึ้น และคอยสังเกตพฤติกรรมการดื่มน้ำของแมวอยู่เสมอ

2) อาหารเปียก (Wet cat food)
อาหารเปียกเป็นอาหารปรุงสุกที่ถูกบรรจุอยู่ในรูปของกระป๋อง/ถ้วย/ซอง อาหารประเภทนี้จะมีความชื้นอยู่ค่อนข้างมาก แทบจะเทียบเท่ากับความชื้นของเหยื่อในธรรมชาติของแมวเลยทีเดียว อาหารเปียกจะมีกลิ่นหอมมาก แมวส่วนใหญ่จึงมักจะคุ้นเคยและชื่นชอบอาหารเปียก
อาหารเปียกหากเปิดบรรจุภัณฑ์แล้วควรให้แมวกินให้หมด ไม่สามารถวางอาหารทิ้งไว้แบบอาหารเม็ดได้ เพราะความชื้นในอาหารทำให้อาหารเปียกเน่าเสียได้ง่ายกว่ามาก คุณอาจใช้วิธีตักแบ่งแต่น้อย แล้วนำส่วนที่เหลือแช่เย็นไว้ก็จะช่วยให้ไม่สิ้นเปลืองอาหารได้
หากคุณเลือกให้อาหารเปียกเป็นมื้ออาหารหลักของน้องแมว อย่าลืมเลือกอาหารเปียกประเภทโภชนาการครบถ้วนด้วยนะ!

3) อาหารบาร์ฟ (B.A.R.F)
อาหารบาร์ฟ เป็นอาหารดิบ ไม่ผ่านความร้อน ต้นกำเนิดอาหารประเภทนี้มาจากความพยายามในการเลียนแบบอาหารตามธรรมชาติของแมว นั่นก็คือการกินเหยื่อแบบดิบนั่นเอง
อย่างไรก็ตามประโยชน์ของอาหารดิบยังค่อนข้างเป็นที่ถกเถียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยที่มีคุณภาพมากพอที่จะสนับสนุนประโยชน์ของอาหารดิบ แต่มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาถึงความเสี่ยงและโอกาสการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัว พยาธิ ไวรัส และอื่น ๆ ทั้งความเสี่ยงในการติดเชื้อกับตัวแมวที่เป็นผู้บริโภคอาหารดิบโดยตรง และกับมนุษย์ที่ได้รับเชื้อทางอ้อมจากการปนเปื้อน
จึงเป็นสาเหตุที่สัตวแพทย์ส่วนใหญ่ไม่แนะนำอาหารประเภทนี้นั่นเอง

4) อาหารฟรีซดราย (Freeze-dried)
ฟรีซดราย (Freeze-dired) เป็นกระบวนการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง ซึ่งใช้อุณหภูมิที่ต่ำมากระหว่าง -30C ถึง -50C จากนั้นใช้กระบวนนำความชื้นออก
เนื่องจากอุณหภูมิที่ใช้ในกระบวนนั้นต่ำมาก ๆ จึงทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในอาหารไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ และยังเป็นกระบวนการถนอมอาหารที่ช่วยคงคุณค่าสารอาหารดั้งเดิมจากธรรมชาติไว้ได้ค่อนข้างสูงมาก สารอาหารไม่โดนทำลายไปด้วยความร้อน อาหารประเภทฟรีซดรายจึงกำลังได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงทำให้ราคาอาหารประเภทนี้ค่อนข้างสูงตามไปด้วย
5) อาหารปรุงสด (Fresh cat food)
อาหารปรุงสด เป็นอาหารที่มีลักษณธคล้ายกับอาหารเปียก มีข้อแตกต่างอยู่ที่อาหารจะถูกปรุงขึ้นมาสดใหม่ จากนั้นใช้วิธีแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพอาหาร และมักจะถูกบรรจุในรูปแบบของมื้ออาหารเดี่ยว (Single-served) เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและคงคุณภาพอาหารไว้ เมื่อจะนำอาหารประเภทนี้ให้น้องแมว จะต้องผ่านการอุ่นร้อนก่อน และไม่สามารถวางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องได้นานเช่นเดียวกับอาหารเปียก
ข้อด้อยของอาหารประเภทนี้ คือ ขนส่งลำบาก ทำให้อาหารมีราคาค่อนข้างสูง และกระบวนการเก็บรักษาที่ต้องการช่องแช่แข็งตลอดเวลาก็เป็นข้อจำกัดที่สำคัญที่ผู้เลี้ยงควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อ
2. อาหารแมว ที่เป็นของกินเล่น/ขนม
อาหารประเภทนี้เป็นเพียงขนมหรืออาหารว่างเท่านั้น ไม่สามารถให้เป็นอาหารหลักได้ เพราะสารอาหารไม่ถึงขั้นต่ำที่แมวควรได้รับต่อวัน
ตัวอย่าง อาหารแมว ประเภทนี้ได้แก่ อาหารเปียกแบบโภชนาการไม่ครบ ขนมแมวชนิดต่าง ๆ ฟรีซดรายทั่วไปที่ไม่มีระบุว่าเป็นสูตร Complete and balance เนื้อสัตว์ต้มที่ทำเองที่บ้าน เป็นต้น
โดยอาหารประเภทนี้ควรให้แมวกินไม่เกิน 10% ของพลังงานที่ควรได้รับจากอาหารในแต่ละวัน เพื่อให้แมวยังสามารถกินอาหารหลักได้ตามปริมาณที่กำหนด และได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนแบบที่ควรจะเป็นนั่นเอง

Q : เนื้อสัตว์ต้มเองทำไมจึงไม่จัดเป็นอาหารหลัก?
เนื่องจากอาหารที่ทำเองที่บ้านนั้นไม่สามารถรู้ปริมาณสารอาหารที่หลงเหลืออยู่หลังผ่านความร้อนได้ ทำให้ไม่ทราบปริมาณของโปรตีน ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ว่าจะเพียงพอกับความต้องการของแมวหรือไม่ ซึ่งหากแมวได้สารอาหารไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดการขาดสารอาหาร และส่งผลทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้มากมาย เช่น การขาดทอรีน เป็นต้น
ในต่างประเทศอาจจะพบว่ามีคนทำอาหารเปียกให้สัตว์เลี้ยงเองที่บ้านกันอย่างแพร่หลายมาก นั่นเป็นเพราะที่ต่างประเทศมีนักโภชนาการสำหรับสัตว์ มีการคิดค้นสูตรอาหารที่ผ่านการคำนวณและตรวจสอบแล้วว่า หากใช้ส่วนผสมปริมาณนี้ ผ่านความร้อน/กรรมวิธีทำแบบนี้ อาหารที่ออกมาจะได้สารอาหารครบถ้วนนั่นเอง
3. อาหารแมว ประเภทอาหารเสริม
คือ อาหารที่เสริมขึ้นมามากกว่าอาหารปกติ ไม่ใช่อาหารหลัก โดยจะกินหรือไม่กินก็ได้ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงมากมายหลายอย่าง ทั้งเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันอย่างสารสกัด Betaglucan, Prebiotic-probiotic, สารสกัดแครนเบอรี่, น้ำมันปลาบำรุงเส้นขน ฯลฯ
แต่ก่อนให้แมวกินหรือบำรุงเพิ่มเติม ควรศึกษาให้ดี อ่านส่วนประกอบ ดูความน่าเชื่อถือ และควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัยของแมวที่รักของคุณ
สรุป
อาหารแมวในปัจจุบันมีหลากหลายประเภท มีทั้งอาหารที่สามารถกินเป็นอาหารหลักได้ ขนมหรือของกินเล่น และอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตามอาหารหลักก็ยังมีหลายรูปแบบให้เลือก ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ในบทความต่อไปเราจะมาเจาะลึกในอาหารแต่ละประเภทเหล่านี้ เพื่อให้เจ้าของได้เข้าใจและสามารถเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์กับน้องแมวของเรา
© All Rights Reserved.